ความหมายห้องเรียนกลับด้าน(The Flipped Classroom )
ห้องเรียนกลับด้าน The Flipped Classroom คือ
วิธีการเรียนแนวใหม่ที่ฉีกตำราการสอนแบบเดิมๆ Flipped Classroom เป็นการเรียนแบบ "กลับหัวกลับหาง" หรือ "พลิกกลับ"
โดยเปลี่ยนรูปแบบวิธีการสอนจากแบบเดิมที่เริ่มจากครูผู้สอนในห้องเรียน
นักเรียนกลับไปทำการบ้านส่งเปลี่ยนเป็นนักเรียนเป็นผู้ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง
ผ่าน "เทคโนโลยี" ที่ครูจัดหาให้ก่อนเข้าชั้นเรียน และมาทำกิจกรรม
โดยมีครูคอยแนะนำในชั้นเรียนแทน โดยสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญของ Flipped
Classroom นี้ก็คือ การใช้เทคโนโลยี การเรียนการสอนที่ทันสมัย
และการให้นักเรียนได้มีโอกาสเรียนรู้ผ่านกิจกรรม
ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะกระตุ้นให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้อย่างเต็มที่
“ห้องเรียนกลับด้าน”
คือ “เรียนที่บ้าน-ทำการบ้านที่โรงเรียน”
เป็นการนำสิ่งที่เดิมที่เคยทำในชั้นเรียนไปทำที่บ้าน และนำสิ่งที่เคยถูกมอบหมายให้ทำที่บ้านมาทำในชั้นเรียนแทน
โดยยึดหลักที่ว่า เวลาที่นักเรียนต้องการพบครูจริงๆ คือ
เวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือ
เขาไม่ได้ต้องการให้ครูอยู่ในชั้นเรียนเพื่อสอนเนื้อหาต่างๆ
เพราะเขาสามารถศึกษาเนื้อหานั้นๆ ด้วยตนเอง
เป็นการเข้าใกล้การจัดการเรียนการสอนแบบ “เด็กเป็นศูนย์กลาง” (Child-center
education) มากขึ้น ที่สำคัญช่วยแก้ปัญหาเรื่องการบ้านได้ด้วย
“ห้องเรียนกลับด้าน”
เป็นการเรียนรู้แบบผสมผสาน
เป็นรูปแบบการเรียนที่มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาการสอนในชั้นเรียนอย่างเต็มที่
ครูจะมีเวลาใกล้ชิดกับนักเรียนมากขึ้นแทนที่จะใช้เวลาในการสอนหนังสือเพียงอย่างเดียว
โดยครูมักบันทึกวิดีโอการสอนให้เด็กไปดูนอกชั้นเรียนแทน
ในห้องเรียนแบบเก่า
ครูจะให้นักเรียนกลับไปอ่านตำราเองที่บ้านแล้วค่อยนำเนื้อหาต่างๆ
ที่อ่านมาอภิปรายกันในวันถัดไป จากนั้นนักเรียนจะได้รับการบ้านที่ใช้วัดความเข้าใจต่อหัวข้อการเรียนนั้นๆ
แต่ในการเรียนการสอนแบบ แบบ “ห้องเรียนกลับด้าน” นักเรียนจะเรียนรู้หัวข้อต่างๆ
ด้วยตนเองก่อน โดยใช้วิดิโอการสอนที่ครูเป็นผู้ทำกลับไปศึกษาเองที่บ้าน
จากนั้นในชั้นเรียนนักเรียนจะพยายามนำความรู้ที่ได้รับมาประยุกต์ในการทำงานและแก้ปัญหาต่างๆ
ในชั้นเรียน
ดังนั้น
งานหลักของครูคือการสอนนักเรียนเมื่อไม่เข้าใจ
มากกว่าที่จะเป็นคนบอกเล่าเนื้อหาการเรียนเพียงอย่างเดียว
การเรียนการสอนเช่นนี้ทำให้สามารถนำการจัดการเรียนรู้ตามความแตกต่างของผู้เรียน (Differentiate
Instruction)และการเรียนโดยใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-based
learning : PBL) มาใช้ในชั้นเรียนได้ด้วย
การเรียนการสอนแบบ
“ห้องเรียนกลับด้าน”
ทำให้ครูมีเวลาชี้แนะนักเรียนและช่วยนักเรียนสร้างสรรค์แนวคิดต่างๆ ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังลดจำนวนนักเรียนที่หยุดเรียนในชั้นเรียนนั้นๆ และช่วยเพิ่มเนื้อหาสาระจากที่นักเรียนได้เรียนรู้ด้วย
หลายคนให้ความเห็นว่า “ห้องเรียนกลับด้าน”
อาจส่งผลเสียต่อนักเรียนที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้นอกโรงเรียน
อย่างไรก็ตามครูหลายท่านก็แก้ปัญหานี้ได้ด้วยการแจก CDs หรือเตรียม Thumb drives ที่มีไฟล์วิดีทัศน์ให้นักเรียน
ที่มา
ที่มา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น